เจาะลึกเบื้องหลัง เกือบ 1 ทศวรรษช่อง ‘เทพลีลา’ คอนเทนต์น้ำดี รากฐานสำคัญกว่าแค่กระแสไวรัล

เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่เคยผ่านตาคอนเทนต์คลิปวิดีโอในโซเชียลมีเดียที่เรียกความสนุกและเสียงหัวเราะจาก ช่องที่ชื่อว่า “เทพลีลา” อย่างแน่นอน เพราะช่องนี้อยู่คู่กับโซเชียลมีเดียไทยมานานนับ 10 ปีแล้ว วันนี้เราจะพาไปรู้จักตัวตนของช่องนี้ ที่ไม่ได้มีดีแค่ความสนุก สร้างสรรค์เท่านั้น แต่พวกเขายึดรากฐานสำคัญที่จะผลิต ‘คอนเทนต์น้ำดี’ เสมอมา

เราชวนคุณเติ๊ด ภูถิรพัฒน์ อ่องศรี แห่งช่องเทพลีลา มาเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการเป็น YouTuber ที่ย้อนกลับไปนานหลายปี ในห้วงเวลาที่โซเชียลมีเดียยังไม่คึกคักอย่างทุกวันนี้  คุณเติ๊ดเล่าว่า ช่วงเริ่มต้นของ “เทพลีลา” เริ่มต้นมาจากการอยากโชว์ลีลาเต้นขั้นเทพ (มั้ง) ของคุณเติ๊ดและคุณเหว่ง ผู้ร่วมก่อตั้ง 2 คนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังความครีเอทีฟ แต่เมื่อไปไม่รอดเลยกลับมา ให้ความสำคัญกับการค้นหาและทำความเข้าใจกลุ่มผู้ชม โดยก่อนทำคอนเทนต์ทุกครั้งจะตั้งคำถามว่า “ผู้ชมคือใคร?” และ “คอนเทนต์นี้จะสร้างบทสนทนาระหว่างบุคคลกลุ่มใดบ้าง?”  ถึงขั้นกับศึกษา Persona ของผู้ชมอย่างจริงจัง และเริ่มผลิตคอนเทนต์ที่น่าจะตอบโจทย์คนกลุ่มนั้น เช่น คอนเทนต์ “ให้ผู้ชายทดลองปวดประจำเดือนของผู้หญิง” ซึ่งใช้การจำลองความเจ็บปวดทางกายภาพ เพื่อให้ผู้ชายเข้าใจความเจ็บปวดทรมานในมุมมองของผู้หญิงในช่วงการเป็นประจำเดือน เป็นการสื่อสารให้ตรงใจกลุ่มผู้หญิง ซึ่งเป็นกลุ่มคนดูหลักของเทพลีลาสมัยนั้น 

แต่เมื่อเวลาผ่านไป “เทพลีลา” ก็เริ่มมีคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้นทั้งรายการ วาไรตี้และเกม ผสมผสานกับ Pop Culture เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เปิดโอกาสให้ทีมงานเข้ามามีส่วนร่วมในรายการมากขึ้น แต่หลักการพื้นฐานที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือการที่เทพลีลาพยายามที่จะผลิต “คอนเทนต์น้ำดี” คือการพยายามในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สร้างสรรค์สังคม ไม่กระทบบุคคลอื่น ไม่ทำอะไรที่ล้ำเส้นในประเด็นที่อ่อนไหว

“แม้คอนเทนต์นั้นจะไม่มีสาระความรู้ แต่อย่างน้อยก็ต้องสามารถสร้างความบันเทิง หรือเรียกเสียงหัวเราะ รอยยิ้มจากคนดูได้” คุณเติ๊ด กล่าว

ปัจจุบันเทพลีลามีคอนเทนต์ที่หลากหลาย มีช่วงรายการและได้รับความนิยมจากบรรดาศิลปินดารา นักแสดง อินฟลูเอนเซอร์มากมาย ที่มาร่วม Collabs ในรายการ  ไม่ว่าจะเป็น “คำต้องห้าม”รายการเกมยอดนิยมที่เป็นสัญลักษณ์ของช่อง, การเล่นบอร์ดเกมยอดนิยมอย่าง Werewolf และ Spyfall, “ทายราคา” และรีวิว Soft Power ที่ต้องการช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นไทย, “พรายกระซิบ”, “สืบสวนคดีเทพลีลา”,”จับสลากแลกปิ่นโต”, “คนเมาตอบคำถาม” และล่าสุดคือ พอดแคสต์ของคุณเติ๊ด “เติ๊ดจ็อบเบอร์” ซึ่งแต่ละรายการก็มีแฟนคลับขาประจำที่ติดตามกันมาอย่างต่อเนื่องอีกทั้งการ Collabs กับแขกรับเชิญต่าง ๆ ก็ช่วยขยายฐานผู้ติดตามได้เป็นอย่างดี เพราะมีศิลปินรับเชิญชื่อดังจำนวนมากที่หมุนเวียนกันมาอย่างไม่ขาดสาย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในช่องอันดับต้น ๆ ที่ศิลปินอย่างมาร่วมรายการเลยก็ว่าได้ 

เกือบทศวรรษในการเดินทางของช่อง “เทพลีลา” เป้าหมายในวันนี้อาจไม่ใช่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สนุกที่สุด เรียกยอดไลค์ คอมเมนต์ หรือ แชร์บนช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด คุณเติ๊ดบอกว่า เป้าหมายระยะยาวของเขาตอนนี้คือการสร้างความหลากหลายของคอนเทนต์ที่นอกเหนือจากการพึ่งพาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว ด้วยความตระหนักว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นเสมือน “บ้านของคนอื่น” ที่อาศัยเขาอยู่และมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว 

ในช่วงปีที่ผ่านมานี้เราจึงเห็นภาพการจัดกรรม On Ground หรือแม้แต่การผลิตสินค้าในนามของเทพลีลาออกมาจำหน่าย เช่น บอร์ดเกม “คำต้องห้าม” ซึ่งเดิมเป็นเกมที่เล่นสนุกกันในรายการ และถูกต่อยอดมาสู่สินค้าที่มียอดจำหน่ายถล่มทลาย จนขาดตลาดไปช่วงหนึ่ง ทำให้เราเห็นถึงศักยภาพการเติบโตนอกเหนือจากการทำคอนเทนต์ หรือการจัดอีเวนต์ “FUME FEST” ที่รวมตัวอินฟลูเอนเซอร์ ยูทูบเบอร์ นักแสดง นักดนตรี ศิลปิน และอีกมากมายหลายวงการมารวมกันจัดกิจกรรมสนุก ๆ ให้แฟนคลับได้ใกล้ชิดศิลปิน อินฟลูฯ ที่พวกเขาชื่นชอบ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ใหม่ที่เราไม่ค่อยได้เห็นมากนัก 

เมื่อพูดถึงรางวัล Thailand Social Awards ครั้งที่ 13 ซึ่งรายการ “คำต้องห้าม” คว้ารางวัล Winner กลุ่มรางวัล Best Content Performance on Social Media  ในสาขารายการออนไลน์กลุ่มเกมโชว์และวาไรตี้ คุณเติ๊ดบอกว่า ไม่เคยคาดหวังว่าการทำคอนเทนต์จะทำให้ได้รับรางวัล เขาบอกอย่างถ่อมตัวว่า มองว่าเทพลีลาเป็นช่อง “ระดับกลาง” ที่มักจะพ่ายแพ้ต่อช่องที่ใหญ่กว่าเสมอ แต่การได้รับรางวัลของงาน Thailand Social Award มีความหมายต่อตัวเขาและทีมงานมากเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นการยอมรับผลงานของพวกเขาในฐานะ Creator ที่แท้จริง และเป็นรางวัลที่ “ตรงสายที่สุด” เท่าที่พวกเขาเคยได้รับ

คุณเติ๊ดทิ้งท้ายในการขอบคุณ พี่เหว่ง พาร์ทเนอร์ ผู้ชักชวนเขาเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ และสำหรับการเดินทางร่วมกันในการสร้างสรรค์เทพลีลาจากทีมงานเพียงสองคน และยังชื่นชม ทีมงานเบื้องหลังที่ทุ่มเททำงานอย่างหนัก และที่ขาดไม่ได้เลยคือผู้ชมที่อยู่เคียงข้างและเติบโตมาด้วยกันเกือบ 10 ปีที่่ผ่านมา ความท้าทายต่อจากนี้คือการต่อยอดให้คอนเทนต์ ไม่ใช่แค่กระแสไวรัลชั่วข้ามคืน หากแต่คือการยึดมั่นในการผลิต “คอนเทนต์น้ำดี”ที่สร้างสิ่งดี ๆ ให้กับสังคม อย่างที่เคยเป็นเสมอมา เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาวให้กับ “เทพลีลา” ไม่ว่าคอนเทนต์จะอยู่ในรูปแบบไหนก็ตาม